เจาะลึก Ford Next-Gen Ranger ในแต่ละรุ่นนั้นจะได้อะไรกันบ้าง
พิมพ์หน้านี้

เจาะลึก Ford Next-Gen Ranger ในแต่ละรุ่นนั้นจะได้อะไรกันบ้าง

ถึงแม้ว่า ฟอร์ด จะได้เผยโฉม Next-Gen Ranger โดยมีเพียง 7 รุ่นย่อยออกมา โดยแบ่งออกเป็นรุ่น Sport 3 รุ่นย่อย และ Wildtrak 4 รุ่นย่อย เราจะมาดูกันว่าในแต่ละรุ่นนั้นจะได้อะไร แตกต่างกันยังไง โดยเริ่มกันที่รุ่น Sport ก่อน
 01.jpg
  • Sport 2.0L Turbo HR 6MT ราคา 929,000 บาท
  • Sport 2.0L Turbo HR 6AT ราคา 964,000 บาท
  • Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT ราคา 1,049,000 บาท
โดยทั้ง 3 รุ่นย่อย จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/65R18 ส่วนอุปกรณ์ภายนอกก็จะมี ชุดแต่งภายนอกแบบสปอร์ต, ไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ระบบปัดน้าฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า และ บันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย
02.jpg
 
ส่วนอุปกรณ์ภายในที่จะมีเหมือนๆ กันคือ แท่นชาร์จไร้สาย, เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์, เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และผู้โดยสารตอนหน้า 4 ทิศทาง, หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 10.1 นิ้ว, รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A, ระบบ FordPass Connect, ช่องต่อ USB 2 จุด พร้อมช่องต่อ ไฟ 12V 2 ช่่อง, ลำโพง 6 จุด, หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว, กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และ ระบบปรับอากาศสาหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยก็จะมี ถุงลมนิรภัย 6 จุด ใน คู่หน้า / ด้านข้าง / และม่านถุงลมนิรภัย, ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน, กล้องมองหลังขณะถอยจอด, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD และ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ที่จะมีเหมือนๆ กัน
03.jpg
 
แต่ในรุ่น Sport 2.0L Turbo HR 6AT และ Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT จะมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM แต่ก็จะมีระบบเลือกฌหมดการขับขี่ Terrain Management แบบหมุน และ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC เท่านั้นที่จะมีใน  Sport 2.0L Turbo 4X4 6AT
04.jpg 

ส่วน Wildtrak ที่มี 4 รุ่นย่อย ประกอบไปด้วย
-Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT ราคา 999,000 บาท
-Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT ราคา 1,049,000 บาท
-Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT ราคา 1,159,000 บาท
-Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT ราคา 1,299,000 บาท
โดยทั้ง 4 รุ่นย่อย จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 2 แบบ แบบแรกคือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร ส่วนแบบที่สองคือ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ด้านระบบส่งกำลังก็จะมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด, เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/65R18
05.jpg
 
อุปกรณ์ภายนอกที่ทั้ง 4 รุ่นย่อยจะมีก็คือ ไฟหน้าแบบ LED โปรเจกเตอร์ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED, ไฟท้ายแบบ LED, ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า, ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ, บันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย, สปอร์ตบาร์ พร้อมราวหลังคา, พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V และฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift
06.jpg 

ส่วนอุปกรณ์ภายในก็จะมี แท่นชาร์จไร้สาย, เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง, เบาะหนัง และ หนังสังเคราะห์ เฉพาะ Wildtrak, หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว, รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A, ระบบ FordPass Connect, ช่องต่อ USB 4 จุด, ลำโพง 6 จุด, ช่องต่อไฟ 12V 1 ช่่อง พร้อมช่องต่อไฟ 230V 1 ช่อง, หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว, กุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา, ระบบปรับอากาศสาหรับผู้โดยสารตอนหลัง, กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB และ ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร
07.jpg 

ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยก็จะมี ถุงลมนิรภัย 7 จุด ใน คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า, ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน, สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง, กล้องมองหลังขณะถอยจอด, ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดรถบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM, เบรกมือไฟฟ้า และ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
08.jpg
 
แต่สำหรับรุ่น Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT กับ Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT จะมีระบบสัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า, ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go พร้อมระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด,กล้องมองรับคัน 360 องศา, ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และระบบการช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการประทะ แต่ก็จะมี ไฟหน้าแบบ Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงอัตโนมัติและระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบเลือกโหมดการขับขี่ Terrain Management แบบหมุน และ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC เท่านั้นที่จะมีใน Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4X4 10AT เท่านั้น
 
จากข้อมูลข้างต้นก็จะเห็นว่ารุ่น Wildtrak นั้นจะได้เทคโนโลยีมากกว่ารุ่น Sport ซึ่งก็แลกมาด้วยราคาที่สูงกว่านั่นเอง ซึ่งตัวคุณเองคงต้องลองใช้วิจารญานดูเอาว่ารุ่นไหนเหมาะสมกับชีวิตประจำวันคุณที่สุด โดยทาง ฟอร์ด ก็ยังจำหน่าย Ranger ในโฉมเก่าเอาไว้เป็นทางเลือกด้วย 
 
ถ้า Ford Next-Gen Ranger คือรุ่นที่คุณสนใจอยากออกในช่วงนี้ อยากรู้ว่ายื่นขอวงเงินพอมั้ย มาประเมินก่อนได้ที่
>> กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท ขอประเมินได้ก่อนโดยไม่ต้องส่งเอกสาร คลิกที่นี่ <<

ย้อนกลับ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

+ ดูทั้งหมด