รัฐจ่อปรับวิธีเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซค์แบบใหม่ เริ่มใช้ ม.ค. ปี 63
พิมพ์หน้านี้

รัฐจ่อปรับวิธีเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซค์แบบใหม่ เริ่มใช้ ม.ค. ปี 63

เพิ่มเพื่อน

กลายเป็นข่าวดังให้เหล่านักบิดได้ตกอกตกใจกันอีกแล้วกับการทำงานของรัฐบาล กับข่าวที่ว่าจะมีการเก็บภาษีสรรพสามิตรถมอเตอร์ไซค์รูปแบบใหม่! จึงเกิดความสงสัยว่านอกจากจะเป็นการหารายได้เข้ารัฐแล้วจะเป็นการเพิ่มภาระให้ประชานชนหรือเปล่า เราลองมาดูรายละเอียดกันก่อนดีกว่า
เมื่อไม่นานมานี้ นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต ได้สรุปในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้รับทราบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถมอเตอร์ไซค์รูปแบบใหม่ จากเดิมนั้นมีการเรียกเก็บตามขนาดความจุเครื่องยนต์ (ซีซี.) แบบเดิมที่เราเคยชินแต่จะมีการเปลี่ยนไปคิดภาษีด้วยวิธีใหม่ โดยการคำนวณจาก “การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์” ซึ่งนับเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกหันมาใช้กันมากขึ้น เพื่อหวังจะช่วยให้รัฐมีรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกทางหนึ่งด้วย
 
new-tax-(3).jpg

การเก็บภาษีรถรถมอเตอร์ไซค์แบบใหม่นี้ จะส่งผลกระทบกับกลุ่มผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดไม่เกิน 150 ซีซี.  ที่คิดเป็น 90% ของรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดในประเทศเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะภาษีจะถูกเพิ่มขึ้นเพียงคันละประมาณ 100 - 200 กว่าบาท จากเดิมที่ต้องเสียภาษีในอัตรา 2.5% ของราคาขายปลีก ขนาด 150-500 ซีซี. เสียภาษีในอัตรา 4% ขนาดความจุ 500-1,000 ซีซี. เสียภาษีในอัตรา 8% และขนาดมากกว่า 1,000 ซีซี จัดเก็บภาษีในอัตรา 17% แต่เมื่อคำนวณตามการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับกลุ่ม "รถบิ๊กไบค์" ที่มีขนาดเครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี. ขึ้นไปอาจจะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาก โดยปัจจุบันรถบิ๊กไบค์ส่วนใหญ่ก็มีราคาเฉียด 1 ล้านบาท บางรุ่นอาจเกินไปถึง 2 ล้านบาททีเดียว ซึ่งบิ๊กไบค์ในประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น มีสัดส่วน 2-3% จากเดิมรถที่มีความจุ 1,000 ซีซี. เสียภาษีอยู่ที่ 17% ก็ปรับเพิ่มเป็น 18% หรือเพิ่มจากเดิมแค่ 1% เท่านั้น
new-tax-(2).jpg
 
อัตราภาษีใหม่จะจัดเก็บภาษีตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาดว่าจะแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 50 กรัม/กิโลเมตร จะเสียภาษี 3% กลุ่มที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 50-100 กรัม/กิโลเมตร จะเสียภาษี 5% กลุ่มที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100-130 กรัม/กิโลเมตร จะเสียภาษี 9% และกลุ่มที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 130 กรัม/กิโลเมตรขึ้นไป จะต้องเสียภาษี 18%
หากผู้ประกอบการไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้ตัวรถมอเตอร์ไซค์มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงแล้วล่ะก็ จะทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปี 500-700 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้นับเป็นการทำให้ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์หลายๆ ค่ายต้องหันมาผลิตรถที่ช่วยลดมลพิษมากขึ้น และมีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ปล่อยไอเสียต่ำ แต่ต้องมีประสิทธิภาพใกล้เคียงหรือเท่าเดิมรวมถึงประหยัดน้ำมันขึ้นอีกด้วย
new-tax-(1).jpg
 
อีกทั้งการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรรถมอเตอร์ไซค์ โดยเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีจากความจุของกระบอกสูบมาเป็นการจัดเก็บภาษีตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นั้นเพื่อรองรับรถมอเตอร์ไซค์ใช้พลังงานไฟฟ้า (EV) ที่จะจัดเก็บเพียง 1% ของราคา จากปัจจุบันไม่มีการเรียกเก็บภาษีเพราะไม่มีความจุของกระบอกสูบ ขณะที่มอเตอร์ไซค์ต้นแบบเพื่อการวิจัยได้รับการยกเว้นเสียภาษี ซึ่งรัฐบาลก่อนได้เห็นชอบมาตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา แต่เมื่อมี ครม.จากรัฐบาลใหม่ กรมฯ จึงเสนอให้รับทราบอีกครั้ง โดยภาษีใหม่จะเริ่มเก็บกับรถที่นำออกจากโรงงานหรือนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563
สำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ สามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่ กรุงศรี ออโต้ ให้บริการโดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ติดต่อ กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์ โทร. 0-2740-7400และติดตามโปรโมชั่นรุ่นอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม  รายละเอียดตามลิงก์นี้ https://www.krungsriauto.com/auto/Promotion/NCpromo_2019.html

หากสนใจอยากจะเป็นเจ้าของรถบิ๊กไบค์ สามารถขอสินเชื่อออนไลน์ได้ที่
apply.pngLINE.png 

ดูโปรโมชั่นในงาน MOTOR EXPO 2019 คลิก


อย่าลืม!..คิดจะออกรถใหม่นึกถึงเรา ยื่นเรื่องง่าย อนุมัติไว วางใจ กรุงศรี ออโต้
เพิ่มเพื่อน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์ โทร. 0-2740-7400

ย้อนกลับ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

+ ดูทั้งหมด