สำหรับ
New Xpender ที่ทาง บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการแนะนำลงสู่ตลาดไปในช่วงงานมอเตอร์โชว์นั้น ถึงแม้ไม่มีการประกาศราคาออกมาทันที แต่ก็ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าที่กำลังสนใจรถแนวนี้ โดยภายหลังทาง มิตซูบิชิ ได้ประกาศราคาออกมา โดยในรุ่น
GLS-LTD นั้นมีราคา
799,000 บาท และรุ่น
GT ราคา
895,000 บาท แล้วอะไรที่ทำให้ราคาของ
New Xpander ทั้ง
2 รุ่นถึงต่างกัน
96,000 บาท เราจะมาดูไปพร้อมๆ กัน
รุ่น
GLS-LTD

รุ่น
GT
ก่อนอื่น
New Xpander ทั้ง
2 รุ่น นั้นมากับดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมแบบรถครอสโอเวอร์ ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกจากทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งถูกออกแบบให้มีมิติด้วย
Advanced Dynamic Shield ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นกว่ารุ่นก่อนด้วยไฟหน้ารูปทรง
T-Shape กับไฟหรี่
LED แบบคริสตัล พร้อมไฟท้ายรูปทรงเดียวกันซึ่งเป็นแบบ
LED-illumination Tube
แต่ความต่างจะอยู่ที่ล้อของรุ่น
GLS-LTD นั้นจะเป็นล้ออัยลอยขนาด
16 นิ้ว ที่มากับยางขนาด
195/65R16 ส่วนรุ่น
GT นั้นจะได้ล้ออัลลอยขนาด
17 นิ้ว แบบทูโทน ที่มากับยางขนาด
205/55R17 กับจะมีไฟตัดหมอกหน้ามาให้ ในขณะที่รุ่น
GLS-LTD นั้นไม่มี ด้านมือเปิดประตูด้านนอกรุ่น
GLS-LTD จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ส่วนคิ้วขอบกระจกประตูจะเป็นสีดำ แต่ในรุ่น
GT จะเป็นสีโครเมียมทั้งหมด และเสาอากาศในรุ่น
GT จะเป็นแบบครีบฉลามอีกด้วย
ด้านพละกำลัง
New Xpander มาพร้อมอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม พร้อมการประหยัดน้ำมันจากเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด
1.5 ลิตร ที่ให้กำลัง
105 แรงม้า แรงบิด
141 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ
Eco-Dynamic CVT ที่ให้การตอบสนองที่ต่อเนื่องนุ่มนวลตลอดทุกการขับขี่
ภายในห้องโดยสารได้รับการดีไซน์ใหม่ เน้นความพิถีพิถันทุกรายละเอียด ผสานแนวคิดการออกแบบ
Horizontal Axis Design ทำให้ได้คอนโซลที่กว้างขวางมอบทัศวิสัยดีเยี่ยมให้กับผู้ขับ สำหรับสีภายในห้องโดยสารในรุ่น
GLS-LTD จะเป็นสีดำ แต่ในรุ่น
GT จะเป็นสีทูโทน (ดำ/น้ำตาล) ส่วนมาตรวัดการขับขี่แบบ
High Contrast ดีไซน์ใหม่ แต่ในรุ่น
GLS-LTD จะเป็นแบบมาตรฐาน ด้านระบบปรับอากาศรุ่น
GT จะได้แบบดิจิตอลพร้อมฟังก์ชั่น
Max Cool
พวงมาลัย และหัวเกียร์ในรุ่น
GT จะได้แบบหุ้มหนัง ส่วนระบบมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัยก็จะมีอยู่ในทั้ง
2 รุ่น นั่นคือสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง พร้อมปุ่มรับ-วางสาย แต่ก็มีแต่รุ่น
GT เท่านั้นที่จะมีระบบ
Cruise Control บนพวงมาลัยมาให้ช่วยเสริมความสะดวกสบาย สำหรับกุญแจในรุ่น
GLS-LTD จะได้กุญแจรีโมท แต่รุ่น
GT จะได้กุญแจอัจฉริยะ
KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนช่องเสียบ
USB จะได้
1 จุด สำหรับเชื่อมต่อความบันเทิงกับเครื่องเสียงด้านหน้าในรุ่น
GLS-LTD แต่ถ้ารุ่น
GT จะได้ช่องต่อ
USB-A และ
USB-C สำหรับชาร์จไฟ บริเวณแถวสอง
ส่วนเบาะนั่งจะได้เบาะผ้าในรุ่น
GLS-LTD แต่รุ่น
GT จะได้หนังสังเคราะห์พร้อมคุณสมบัติ สะท้อนความร้อน นั่งสบายตลอดการเดินทาง ทั้งยังได้ที่พักแขนบริเวณบริเวณคอนโซลกลางสามารถเก็บทิชชู่ได้เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายทุกการเดินทาง และถาดเก็บของอเนกประสงค์ใต้เบาะผู้โดยสารด้านหน้าแบบ
2-Way
สำหรับวิทยุ รุ่น
GT จะได้หน้าจอระบบสัมผัสขนาด
9 นิ้ว ที่พร้อมรองรับ
Bluetooth, Apple CarPlay และ
Android Auto กับลำโพง
6 จุด แต่ รุ่น
GLS-LTD จะได้เครื่องเสียงแบบ
2 DIN-วิทยุ
, Bluetooth และ
MP3 กับลำโพง
4 จุด
ด้านระบบความปลอดภัย
New Xpander จะได้รับการออกแบบตัวถังด้านหน้าเพื่อช่วยลดความรุนแรงจากการกระแทกที่เกิดขึ้นกับคนเดินถนนให้น้อยลงหากเกิดอุบัติเหตุ ส่วนระบบต่างๆ ก็อัดแน่นมาให้สมกับเป็นรถครอบครัวอย่างแท้จริง และในรุ่น
GT จะได้ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ
Break Auto Hold กับกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด
สำหรับผู้ที่สนใจรถ
New Mitsubishi Xpander ทั้ง
2 รุ่น แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกรุ่นไหน ก็ขอแนะนำให้ไปยังโชว์รูมของมิตซูบิชิ เพื่อชมรถคันจริงประกอบการตัดสินใจ