จอดรถทิ้งไว้บ้านช่วง WFH ต้องหมั่นดูแล..ตรวจเช็คอะไรบ้างนะ
พิมพ์หน้านี้

จอดรถทิ้งไว้บ้านช่วง WFH ต้องหมั่นดูแล..ตรวจเช็คอะไรบ้างนะ

g-(1).png

อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงนี้ในประเทศไทยมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรงจนทำให้รัฐบาลประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน รวมถึงขอความร่วมมือในการลดการเดินทางต่างๆ ให้ประชาชนไม่ออกจากบ้าน, ไม่เดินทางข้ามจังหวัด รวมถึงห้ามมิให้มีการจัดกิจกรรมใดๆ ในช่วงนี้ เพื่อหยุดการแพร่กระจายของโควิด-19 ซึ่งในสภาวะเช่นนี้ หลายๆ หน่วยงานเลยปรับเปลี่ยนให้ Work From Home (WFH) ทำให้ต้องจอดรถยนต์ไว้อยู่กับบ้าน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
                สำหรับผู้ที่ต้องจอดรถยนต์ทิ้งไว้นานๆ หลายวัน จำเป็นต้องดูแลรักษารถยนต์ให้มีสภาพพร้อมอยู่เสมอ แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้รับการดูแลอาจเกิดปัญหาตามมาได้เช่น แบตเตอรี่หมดและเสื่อมอายุก่อนกำหนด, ระบบที่เกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงอาจมีปัญหา, มีปัญหาภายในห้องเครื่องที่เกิดจากสัตว์ตัวเล็กๆ หรือแม้แต่กระทั่งลมยางอ่อน ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อมีเหตุจำเป็น

Car-WFH_INFO.png

1. เลือกจอดรถในที่ๆ มีอากาศถ่ายเท
                เนื่องจากต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ถ้าเลือกได้ก็ควรจอดรถในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับจนเกินไป โดยหมั่นเปิดประตู หรือกระจกเพื่อระบายอากาศบ้างในบางเวลา รวมถึงหลีกเลี่ยงการจอดตากแดดทั้งวัน เพราะจะทำให้ภายในรถร้อนจนเกินไปจนส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในต่างๆ เช่น พวงมาลัย, คอนโซลหน้า, เบาะ ที่จะเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ แต่หากเลี่ยงไม่ได้ควรมีผ้าคลุมหรือที่บังแดดเพื่อช่วยลดความร้อน
2. อย่าปล่อยให้น้ำมันต่ำกว่าครึ่งถัง
                แน่นอนว่าหลายคนกำลัง WFH กันอยู่ คงไม่มีใครอยากเสียเงินเติมน้ำมันทิ้งไว้โดยไม่ได้ออกไปไหน แต่สิ่งที่หลายๆ คนไม่รู้ก็คือการจอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้ขยับไปไหนเลยนั้นควรเติมน้ำมันให้สูงกว่าระดับครึ่งถังเอาไว้เพื่อไม่ให้มีช่องว่างระหว่างตัวน้ำมันเชื้อเพลิงและส่วนบนของถัง เพราะจะทำให้เกิดความชื้นและกลายเป็นน้ำเกาะด้านบนถังจนเป็นสาเหตุให้เกิดสนิม (ถ้าเป็นถังเหล็ก) หากเป็นไปได้ควรเติมน้ำมันประเภทที่มีส่วนผสมเอทานอลไม่เกิน E10 เพื่อลดการเกิดความชื้นในถังน้ำมัน 
3. หมั่นวอร์มเครื่องยนต์บ่อย ๆ
                หลายๆ คนที่จอดรถทิ้งเอาไว้ช่วง WFH รู้หรือไม่ว่าคุณควรสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยๆ แม้เพียงแค่ครั้งละ 5 - 10 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์อยู่ในอุณหภูมิการทำงานเทียบเท่าการใช้งานปกติ นอกจากนั้นอาจจะเหยียบเบรกเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ไปตำแหน่งต่างๆ เพื่อให้น้ำมันเกียร์ได้ทำงานบ้าง อาจจะไม่ต้องสตาร์ททุกวันตามความสะดวกแต่ไม่ควรจอดทิ้งไว้นานเกินกว่า 4-5 วัน และถ้าสะดวกที่จะขยับรถออกไปขับบ้างก็จะยิ่งดีครับ
4. ออกไปขับ..ยืดเส้นยืดสายบ้าง
                หลังจากที่เราสตาร์ทรถเพื่อวอร์มเครื่องยนต์กันแล้ว ด้วยความที่ถนนโล่งๆ ในช่วงนี้หลายๆ คนเค้าหยุดอยู่บ้านเพื่อ WFH กัน บางคนอาจจะเอารถออกไปวิ่งได้บ้างเพื่อยืดเส้นสายในเส้นทางระยะใกล้ๆ โดยไม่แวะตามสถานที่ต่างๆ อย่างน้อยในระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อให้ระบบและชิ้นส่วนต่างๆ ได้ทำงานได้อย่างเต็มที่ และเป็นการชาร์จไฟให้ทำงานอย่างเต็มระบบ นอกจากนี้ยังช่วยให้ยางได้ "กลิ้ง" บ้าง ไม่ให้รับน้ำหนักในจุดเดียวนานๆ อาจจะทำให้ยางเสื่อมสภาพได้
5. ถ้าไม่ไหวจริงๆ ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกกก่อนนะ
                ถ้ามีความจำเป็นต้องจอดนานๆ แล้วไม่สามารถที่จะทำการดูแลรถของท่านได้จริงๆ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการถอดขั้วแบตเตอรี่ออกไว้ก่อน โดยจะทำการถอดขั้วแบตฯ ฝั่งขั้วบวก (สีแดง) ออกเพื่อเป็นการทำให้ไฟในแบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป แต่สำหรับรถใหม่ๆ วิธีนี้อาจไม่ค่อยดีนักเพราะรถยนต์รุ่นใหม่ๆ บางรุ่นมีอุปกรณ์จำเป็นในการใช้ระบบไฟฟ้าเข้าไปเลี้ยงให้ทำงาน เช่น ระบบกันขโมย, ระบบแมมโมรี่ความจำของอุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้น วิธีนี้อาจเป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งวิธีนี้ก็อาจจะดีกว่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมด และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ในที่สุด
6. ถ้าว่างๆ ก็หมั่นเช็คลมยางบ้าง
                การที่จอดรถนิ่งนานๆ การคอยดูลมยางก็นับว่าสำคัญ เพราะแรงดันของลมยางจะค่อยๆ ลดลงไปเรี่อยๆ จนอาจจะถึงขั้นอ่อนยวบ จนแบนเร็วกว่าการใช้งานปกติ ดังนั้น เมื่อจอดนานๆ เกินกว่า 1 สัปดาห์ควรขับรถออกไปเช็คลมยางบ้าง หรืออย่างน้อยควรให้ยางได้กลิ้งบ้างอย่างน้อย 10 กิโลเมตรต่อครั้ง อาจทำให้ชิ้นส่วนบางอย่างที่ควรเคลื่อนไหวได้เคลื่อนไหวบ้าง ลดการฝืด ติดขัดและสึกหรอมากเมื่อจอดไว้นานๆ
7. เปิดกระโปรง..บ่อยๆ
                การเปิดฝากระโปรงบ่อยๆ ก็เพื่อตรวจเช็คเครื่องยนต์โดยรวม ได้แก่ ระบบท่อทางเดินของน้ำมันเชื้อเพลิง, น้ำยาหม้อน้ำ, สายไฟ, ระบบน้ำมันเบรก, เช็คสภาพสายพาน, น้ำกลั่นในแบตเตอรี่(ถ้ามี) และสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อฟังเสียงว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ฉะนั้นการเปิดฝากระโปรงรถดูบ่อยๆ นอกจากจะเช็คความผิดปกติของห้องเครื่องแล้ว ยังเป็นการตรวจสอบดูว่ามีร่องรอยของ หนู หรือ งู มาทำรังหรือไม่เพราะมีทั้งความร้อนและชื้น รวมถึงความปลอดภัยสำหรับพวกหนูและงู หากจอดนานๆ อาจเจอปัญหาสายไฟมีร้องรอยเนื่องจาก "หนูแทะ"
                ดังนั้น การจอดรถทิ้งเอาไว้นานๆ เท่ากับมีการสึกหรอไม่แตกต่างจากการใช้งานทุกวัน จึงควรดูแลและให้มีการใช้งานบ้าง เพื่อรถของคุณมีสภาพพร้อมขับขี่อย่างปลอดภัยต่อไปอีกยาวนาน


g.png

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์ โทร. 0-2740-7400

 ย้อนกลับ

ย้อนกลับ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

+ ดูทั้งหมด