พิมพ์หน้านี้

    กรุงศรี ออโต้ ฟันธง 3 เทรนด์ พลิกตลาดสินเชื่อยานยนต์ปี 61

    กรุงเทพฯ, 14 ธันวาคม 2560 – “กรุงศรี ออโต้ ผู้นำตลาดสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ชี้การแข่งขันตลาดสินเชื่อยานยนต์ปีหน้าจะคึกคักยิ่งขึ้น โดยแบรนด์ต่างๆ เตรียมนำเสนอนวัตกรรมรูปแบบใหม่ๆ ที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การให้บริการสินเชื่อบนแพลตฟอร์มดิจิทัล การเข้าใจลูกค้าอย่างเจาะลึก และการจับมือพันธมิตรที่เปิดกว้างขึ้น เพื่อก้าวให้ทันสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การปฎิวัติทางเทคโนโลยีส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และก่อให้เกิดโมเดลทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง แบรนด์ต่างๆ จึงพยายามพลิกเกมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของตน สำหรับในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ในประเทศไทยเองก็เริ่มหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างแพร่หลายขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเดิม ควบคู่ไปกับการยกระดับประสิทธิภาพการบริการ”

    “กรุงศรี ออโต้ มองว่าการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าจะยังคงเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ให้ความสำคัญ และเราจะเห็นผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ก้าวออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ มากขึ้น โดยจะมี 3 เทรนด์เด่นๆ ที่จะเข้ามาขับเคลื่อนตลาดในปีหน้านี้”

    1. เริ่มและจบบนดิจิทัล (Digital Lending)
    ในยุคที่ดิจิทัลเพย์เมนต์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการบริการสินเชื่อยานยนต์อย่างครบวงจรบนแพลตฟอร์มดิจิทัลก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยผลการสำรวจของ ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ (PwC) ระบุว่าผู้ซื้อรถถึง 83% สนใจศึกษาข้อมูลด้านสินเชื่อ ก่อนจะเลือกซื้อรถที่โชว์รูม นายไพโรจน์กล่าวว่า “ในปีหน้านี้ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์จะเริ่มให้บริการสินเชื่อแบบดิจิทัล (Digital Lending) อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยลูกค้าจะสามารถขอสินเชื่อ ยื่นเอกสารต่างๆ ติดตามผลอนุมัติ รับเงิน ตลอดจนดูประวัติการชำระเงินได้แบบเรียลไทม์ผ่านเว็บไซต์ หรือโมบายแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ เพื่อรักษาข้อมูลส่วนตัวและเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่าง e-signature และ e-identification จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายขึ้นในกระบวนการสมัครสินเชื่อยานยนต์อีกด้วย”
     
    2. เจาะลึกถึงใจ (Personalization)
    นอกเหนือจากเกณฑ์ทั่วไปที่ใช้ในการแบ่งกลุ่มผู้บริโภค เช่น อาชีพ อายุ เพศ หรือฐานรายได้ ในปีหน้านี้ ตัวตนและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวของลูกค้าจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ “ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการสินค้าและบริการที่เฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น แบรนด์สินเชื่อยานยนต์หลายรายจึงหันมาให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าอย่างละเอียดในทุกๆ Touch Point เช่น ช่องทางการสื่อสารที่ชื่นชอบ และวิธีการผ่อนชำระที่เลือกใช้ เพื่อให้สามารถสร้างสรรค์โซลูชั่นที่เหมาะสมและมอบให้ลูกค้าในเวลาที่พวกเขาต้องการ โดยอีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีความสำคัญยิ่งขึ้น ก็คือ ‘จังหวะชีวิต (Pace of Life)’ ของผู้บริโภค เช่น ลูกค้าที่ผ่อนชำระใกล้ครบมีแนวโน้มที่จะมองหารถคันใหม่ หรือลูกค้าที่มีพ่อแม่วัยเกษียณมักมองหาอุปกรณ์เสริม เช่น เก้าอี้รถเข็น เป็นต้น” นายไพโรจน์กล่าว

    3. พันธมิตรไร้ขีดจำกัด (Infinite Partnership)
    ในยุคที่เทคโนโลยีได้เข้ามาทำลายอุปสรรคต่างๆ ในดำเนินธุรกิจ รูปแบบของพันธมิตรในวงการสินเชื่อยานยนต์ก็จะมีความหลากหลายขึ้นเช่นกัน นายไพโรจน์กล่าวว่า “ผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์จะหันมาจับมือกับแบรนด์ในตลาดอื่นๆ ที่กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ผลิต หรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกต่อไป แต่จะครอบคลุมถึงการใช้แพลตฟอร์มของแบรนด์อื่นๆ ในการขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้า ไปจนถึงการจับมือร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ กับผู้พัฒนาแอพพลิเคชันต่างๆ ฟินเทค หรืออีคอมเมิร์ซ ซึ่งสามารถเข้ามาปลดล็อคข้อจำกัดในการตอบโจทย์โมบิลิตี้ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ตลอดจนเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของตน”

    “การก้าวให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอาจหมายถึงเม็ดเงินลงทุนทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงก็เป็นแรงผลักดันให้แบรนด์ต้องเปิดรับเครื่องมือใหม่ๆ ก้าวข้ามกรอบเดิมๆ และรับฟังเสียงของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นและประสบการณ์ที่ไร้รอยต่ออย่างแท้จริงนั่นเอง” นายไพโรจน์กล่าวทิ้งท้าย
    ###

    ย้อนกลับ