COVID-19 อีกระลอกกับการใช้รถยนต์ที่เปลี่ยนไป
พิมพ์หน้านี้

COVID-19 อีกระลอกกับการใช้รถยนต์ที่เปลี่ยนไป

g.png
 
สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ  COVID-19 ในประเทศไทยอัพเดทข้อมูลเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 32,625 คน เป็นผู้ป่วยรายใหม่สูงถึง 967 คน เป็นผู้ป่วยรุนแรง 20 คน และมีผู้เสียชีวิตถึง 97 คน (ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข) ทำให้ในเป็นการระบาดอีกครั้งของ COVID-19 และมีทีท่าว่าจะรุนแรงกว่าการระบาดในรอบที่ผ่านมา เราทุกคนควรให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองให้เข้มงวดขึ้นกว่าเก่า ถึงแม้ในขณะนี้ประเทศไทยจะมีการนำเข้าวัคซีนแต่ในขณะนี้ยังมีประชาชนอีกมากที่ยังไม่ได้รับการฉีด แม้ว่าเราทุกคนจะปรับตัวเข้ากับรูปแบบการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไปได้แล้ว แต่ก็มีบางคนทีละเลยทำให้เกิดการการ์ดตก เลยเป็นผลให้ COVID-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง
  INFO-02.png
ในการระบาดรอบนี้สิ่งที่ทุกคนไม่ควรละเลยนั่นก็คือการลดความเสี่ยงด้วย การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังควรล้างมือหลังจับสิ่งต่างๆ ที่อาจเป็นพาหะได้สำหรับในบางสถานที่ก็มีเจลแอลกอฮอล์เตรียมไว้ให้ใช้แบบเป็นส่วนกลาง แต่ถ้าไม่ลำบากอะไรก็อาจจะพหเป็นของส่วนตัวไว้ใช้เป็นของตัวเองก็ได้ นอกจากนี้ยังควรจะทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือจุดที่เสี่ยงที่มีการแพร่เชื้อโดยเฉพาะในช่วงเทศกาล วันหยุดพิเศษ ต่างๆ และที่สำคัญที่สุดคือควรบันทึกไทม์ไลน์การเดินทางเพื่อเป็นข้อมูลให้ง่ายต่อการสืบค้นว่าท่านได้เดินทางไปไหนมาบ้าง เพราะบางทีท่านอาจจะมีโอกาสพบเจอคนที่ได้รับเชื้อมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และถึงแม้ท่านได้รับวัคซีนแล้วก็ไม่ควรละเลยการดูแลเฝ้าระวัง-ป้องกันตัวเอง เพราะมีการรายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เพราะอาจได้รับเชื้อมาก่อนหรือ หลังได้รับวัคซีน เมื่อตรวจพบเชื้อก็มีโอกาสแพร่สู่ผู้อื่นได้ แต่ส่วนใหญ่หลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วก็ต้องรอประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันระดับสูง
 INFO-03.png
  • รถยนต์เป็นศูนย์รวมจุดเสี่ยง..ไม่ลืมว่าต้องทำความสะอาดอยู่เสมอ
    • เพราะมีจุดที่เราสัมผัสบ่อยๆ อยู่ถึงแม้จะไม่ได้ใช้รถยนต์ทั้งวันก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น กุญแจ หรือ ปุ่มสตาร์ท, มือจับประตู, พวงมาลัย, แผงสวิตช์ข้างประตู, ก้านไฟเลี้ยว หรือ ก้านปัดน้ำฝน, เครื่องเสียง และสวิตช์ต่างๆ, หัวเกียร์, เบรกมือ, เบาะ, ที่เท้าแขน และกระจกมองหลัง จึงควรทำความสะอาดฆ่าเชื้ออยู่เสมอ รวมถึงควรมีเจลล้างมือ และหน้ากากอนามัยสำรองไว้ในรถอยู่ตลอด
  • ปรับเปลี่ยนเวลาทำงานให้เหลื่อมกัน
    • การปรับเปลี่ยนเวลาให้เหลื่อมล้ำกันเกี่ยวกับรถยนต์ส่วนตัวอย่างไร นั่นก็ตอบได้ง่ายๆ ว่าเพื่อลดการแออัดระหว่างการเดินทาง และความหนาแน่นของการจราจรบนท้องถนน
  • ไปไหนด้วยรถยนต์ส่วนตัวกันเยอะขึ้น
    • เพื่อป้องกันตัวเอง และครอบครัวให้ปลอดภัยจาก COVID-19 ด้วยการลดความเสี่ยงจากการเดินทางโดยรถสาธารณะ เลยทำให้หันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวกันมากขึ้นอย่างน้อยก็เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อนั่นเอง
  • เปลี่ยนมาเป็น Cashless กันมากขึ้น
    • Cashless ในทีนี้หมายถึง สังคมไร้เงินสด เพื่อลดความเสี่ยงการสัมผัสเงินสดไม่ว่าจะเป็นธนบัตร และเหรียญเพื่อซื้อสินค้าที่อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อ รวมถึงการเดินทางโดยรถที่จะต้องมีการชำระค่าน้ำมัน, ค่าทางด่วน ฯลฯ
          สำหรับช่วงเทศกาลฯ และวันหยุดที่ใกล้จะมาถึงนี้ ก็ควรปฎิบัติตามกติกาของภาครัฐเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่าลืม ตั้งการ์ดป้องกันเพื่อกันเชื้อให้ห่างไกล อีกทั้งควรเช็คพื้นที่ปลายทางให้ดีก่อนเดินทาง เพราะเริ่มมีบางจังหวัดเริ่มกลับมามีมาตรการให้กักตัว 14 วันหากเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ล่าสุดจากการแถลงของนายกรัฐมนตรีก็ได้ข้อสรุปว่ากิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงงานที่เสี่ยงต่อคนจำนวนมาก อาจจะมีการงดการจัดงาน โดยให้ละจังหวัดนั้นทำการประเมินเอง ที่สำคัญ ไม่ประมาทเพื่อตนเองและครอบครัวห่างไกล COVID-19

g.png

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์ โทร. 0-2740-7400

ย้อนกลับ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

+ ดูทั้งหมด