Sport Premium, Sport และ Entry ทีนี้ Toyota Yaris รุ่นไหนเหมาะกับคุณที่สุด

TOYOTA YARIS รุ่นปรับปรุงใหม่ มาพร้อมดีไซน์ใหม่ กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และฟังก์ชันความปลอดภัยที่ครบครัน ถือว่าคุ้มค่าและตอบโจทย์ได้ในทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน นอกจากนี้ยังมีชุดตกแต่งพิเศษ X-URBAN โดยใน Sport Premium, Sport และ Entry นั้นจะมีความแตกต่างอย่างไรบ้าง
TOYOTA YARIS ทั้ง 3 รุ่นมากับเครื่องยนต์ 3NR-FKE ขนาด 1.2 ลิตร แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-iE ที่ให้กำลัง 92 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที กับแรงบิด 109 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ หรือ Stop and Start System ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock




Sport Premium                                                                                   Sport



Entry
                ด้านภายนอก TOYOTA YARIS แตกต่างกันที่ล้อ สำหรับรุ่น Sport Premium จะได้ล้ออัลลอยปัดเงาสีดำ ตกแต่งด้วยขอบสีเงิน 15 นิ้ว ส่วนรุ่น Sport Premium จะได้ล้ออัลลอยปัดเงา สีทูโทน 15 นิ้ว และ Entry จะได้ล้อกระทะ 15 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อ ส่วนไฟหน้า สำหรับรุ่น Entry จะเป็นแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ ส่วนรุ่น Sport Premium, Sport จะได้ LED มัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมด้วย LED Light Guiding กับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบ Follow-me-home และยังได้ แผ่นกันความร้อนใต้ฝากระโปรง, กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass) และสเกิร์ตด้านข้างและด้านหลัง ในขณะที่รุ่น Entry นั้นไม่มี ส่วน Sport Premium จะได้เสาอากาศแบบครีบฉลาม ส่วนรุ่นอื่นๆ จะได้แบบสั้น รวมถึงที่ปัดน้ำฝนที่ในรุ่น Sport Premium จะเป็นแบบอัตโนมัติ รุ่น Sport จะได้แบบหน่วงเวลาและปรับตั้งเวลาได้ ส่วนรุ่น Entry จะได้แบบธรรมดา




ด้านอุปกรณ์ภายใน เริ่มกันด้วยเบาะนั่งจะเป็นผ้าในรุ่น Entry ส่วนรุ่น Sport และ Sport Premium จะเป็นหนังสังเคราะห์ พร้อมเบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต ตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า กับภายในสีดำ แต่นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มการตกแต่งภายในแบบพิเศษด้วยสีทูโทน รวมถึงเบาะนั่งด้านหน้าและหลังสีทูโทนแดง Terra Rossa และสีดำ พร้อมเดินด้ายลายพิเศษ ส่วนพวงมาลัย Entry จะได้ยูรีเทน ตกแต่งด้วยแถบเมทัลลิก ส่วนรุ่นที่เหลือจะเป็นหุ้มหนังนุ่มพิเศษ ตกแต่งด้วยด้ายสีฟ้า และแถบเมทัลลิก ส่วนภายในแบบพิเศษด้วยสีทูโทนจะได้พวงมาลัยหุ้มหนังนุ่มพิเศษสีทูโทนแดง Terra Rossa และสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีเทา ด้านเบาะนั่งด้านหลังในรุ่น Entry พับได้แต่ไม่สามารถแยกพับได้อย่าง 2 รุ่นที่เหลือสามารถแยกพับได้ 60:40 สำหรับสาวๆ ที่ต้องการกระจกแต่งหน้า บริเวณแผงบังแดดคู่หน้าจะไม่มีในรุ่น Entry เท่านั้น สุดท้ายที่ Entry จะไม่มีก็คือแผงปิดห้องสัมภาระท้ายรถ




ด้านหัวข้อมาตรวัดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก สำหรับมาตรวัดรุ่น Entry จะเป็นแบบธรรมดา ส่วนรุ่นอื่นๆ จะเป็นแบบเรืองแสง ส่วนหน้าจอจอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่จะมีใน Sport แต่รุ่น Sport Premium จะเป็นแบบจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว และแน่นอน Entry ไม่มีครับ สำหรับระบบ Smart Entry และ Push Start จะมีแต่ Sport Premium เท่านั้นที่จะมี ส่วนเครื่องเสียง Sport และ Sport Premium จะมากับหน้าจอสัมผัสขนาด 6.7 นิ้ว รองรับระบบ Smart Device Link พร้อมทั้งระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth รองรับโทรศัพท์ และการเล่นเพลง พร้อมระบบโทรออกด้วยเสียง (ทำงานร่วมกับ Apple CarPlay และ Android Auto) สิ่งที่ Sport Premium ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และกระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ




มาจบกันที่ระบบความปลอดภัย Sport Premium จะได้ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED กับกล้องบันทึกภาพหน้ารถ และหลังรถ ประกอบกับระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS กับระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA ในขณะที่รุ่นอื่นๆ จะไม่มี ส่วน LED Daytime Running Lights จะมีในรุ่นอื่นยกเว้น Entry เช่นเดียวกับกล้องมองหลัง เช่นเดียวกับ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบเตือนการโจรกรรม TDS ก็จะไม่มีใน Entry ด้วยเช่นกัน


สุดท้ายมาดูกันที่ราคา รุ่น Sport Premium นั้นราคาอยู่ที่ 679,000 บาท ในขณะ รุ่น Sport ราคาจะถูกลงมา 70,000 บาท นั่นคือ 609,000 บาท และรุ่น Entry คือรุ่นเริ่มต้นที่ราคา 549,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีชุดแต่ง X-URBAN และชุดแต่ง FLASH II PACKAGE ที่มาพร้อมกล่องควบคุมคันเร่งไฟฟ้า ACTIVE SPEED ให้การตอบสนองที่รวดเร็วในขณะออกตัว ช่วยเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่
             
 สามารถขอสินเชื่อออนไลน์ได้ที่ด้านล่างนี้ หรือ คลิกเพื่อดูโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะการสมัครผ่านช่องทางออนไลน์



อย่าลืม!..คิดจะออกรถใหม่นึกถึงเรา ยื่นเรื่องง่าย อนุมัติไว วางใจ กรุงศรี ออโต้


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
กรุงศรี ออโต้ คอล เซ็นเตอร์ โทร. 0-2740-7400