เตรียมคนและรถให้พร้อมเดินทางก่อนเทศกาลปีใหม่
พิมพ์หน้านี้

เตรียมคนและรถให้พร้อมเดินทางก่อนเทศกาลปีใหม่

เตรียมคนและรถให้พร้อมเดินทางในก่อนเทศกาลปีใหม่

เทศกาลปีใหม่ นับเป็นวันหยุดยาว หลายคนเดินทางท่องเที่ยว บางส่วนเดินทางกลับไปภูมิลำเนาถือโอกาสไปเยี่ยมครอบครัว ถือเป็นช่วงที่มีการเดินทางมากไม่แพ้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งคนและรถต้องเตรียมความพร้อมให้มากเพื่อการเดินทางไหนจะต้องรับมือกับระยะทาง, สภาพอากาศ, สภาพถนน และปริมาณรถที่หนาแน่น เพื่อให้การเดินทางท่องเที่ยวเป็นไปปลอดภัย ฉะนั้น อย่าลืม! ตรวจความพร้อมทั้งคนทั้งรถก่อนเดินทางด้วยนะครับ ถ้าใครไม่มั่นใจก็ควรเข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์เบื้องต้น ณ ศูนย์บริการรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง นอกจากนี้ อย่าลืมอุปกรณ์ที่ควรมีติดรถไว้ทุกครั้งที่ขับรถระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าไว้เติมหม้อน้ำ ไฟฉาย กล่องเครื่องมือ ล้อยางอะไหล่ อุปกรณ์ถอดล้อรถ สายลากจูง สายพ่วงแบตเตอรี่ รวมถึงคู่มือประกันภัยและเอกสารสำคัญไว้ในกรณีฉุกเฉิน
info-krungsri_prepare-car-before-new-year_01-(1).png

เตรียมรถให้พร้อม..ก่อนเดินทางช่วงเทศกาล หรือจะเดินทางไกลๆ ทุกครั้งต้องตรวจเช็คสภาพรถยนต์ทุกครั้ง เริ่มจากการสังเกตใต้ท้องรถหารอยรั่ว, หยด, ซึม ของชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ โดยหาที่สว่างๆ และเปิดฝากระโปรง เพื่อส่องดูคราบน้ำ หยดน้ำหรือน้ำมัน มีส่วนใดเยิ้ม รั่วและซึมหรือไม่
 ระบบน้ำและของเหลวต่างๆ เริ่มตั้งแต่ระดับน้ำในถังพักหม้อน้ำ, น้ำฉีดกระจก ไปจนถึงน้ำมันเบรกหรือคลัตช์,  น้ำมันเครื่องยนต์ และน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ว่ามีส่วนไหนที่พร่องลงหรือขาดไปมากกว่าครึ่งหรือไม่ จะได้รีบเติมให้อยู่ในระดับปกติ
เช็คระบบช่วงล่างเบื้องต้น ส่วนนี้อาจจะยากหน่อย แต่เบื้องต้นก็สามารถตรวจสอบโช้กอัพ, ลูกหมากคันชักคันส่ง รวมถึงเพลาขับเคลื่อน ว่าอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการเดินทางหรือไม่ เพื่อไม่ต้องไปจอดเสียระหว่างการเดินทาง เพราะนั่นหมายถึงจะต้องเสียทั้งเวลา, อารมณ์และเงิน ที่ต้องจ่ายให้ช่างต่างถิ่นซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายสูงเกินจำเป็นและที่แย่กว่านั้นคือ ช่วงเทศกาลต่างๆ ห้างร้าน ศูนย์บริการและอู่มักหยุดยาวๆ คุณอาจพึ่งรถยกอย่างเดียวเท่านั้น!
ตรวจดูระบบเบรก หมายรวมถึงเบรกมือด้วย นั่นคือต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เนื้อผ้าเบรกควรมีความหนาเกินกว่า 3 มม. เป็นต้น และจานเบรกต้องไม่มีรอยแตกร้าว ระบบเบรกมือต้องใช้การได้ปกติอีกด้วย
เช็คสภาพยางรถยนต์ ยางรถยนต์เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เรื่องของดอกยางและลมยาง ควรตรวจตราให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะดอกยางควรเหลือไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร อาจจะทดลองใช้เหรียญบาทวางระหว่างร่องดอกยางควรเหลือ 1 ใน 3 ของตัวเหรียญ นอกจากนี้เนื้อยางต้องนิ่ม กดหรือจิกด้วยเล็บต้องมีรอยยุบลงไปและคืนตัว แก้มยางหรือหน้ายางต้องไม่แตกลายงา
 ทดสอบระบบไฟส่องสว่าง ระบบไฟส่องสว่างต้องใช้ได้ครบทุกจุด ตั้งแต่ ไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเบรก, ไฟเลี้ยว, ไฟหรี่ และไฟส่องป้ายทะเบียน ต้องติดทุกดวง เพื่อความปลอดภัย เมื่อต้องเดินทางเวลากลางคืนหรือที่มีหมอกควันหนาจัดๆ ควรตั้งไฟหน้าให้ได้ระดับที่ถูกต้อง และไม่ควรใช้ไฟหน้าที่ดัดแปลงโดยไม่ได้มาตรฐาน เช่น ซีนอนทั่วไปที่ไม่ได้มาจากโรงงานผู้ผลิต หรือไฟสีอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกฏหมายกำหนด และไฟเบรกที่กะพริบ อาจะทำให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมาแสบตา หรือเข้าใจผิดได้   
 เช็คใบปัดน้ำฝน การเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกลย่อมมีโอกาสเกิดฝนตกหรือหมอกลงจัด ใบปัดน้ำฝนก็สำคัญไม่แพ้กัน ควรอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ปัดได้สะอาดใสมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่มีเสียงรบกวนด้วยยิ่งดีครับ
info-krungsri_prepare-car-before-new-year_02.png

เตรียมคนให้พร้อม..ก่อนเดินทาง เสร็จจากขั้นตอนเตรียมรถ มาต่อกันที่ขั้นตอนเตรียมคนกันบ้าง เมื่อรถพร้อมแล้วในฐานะที่เราจะเป็นคนควบคุมรถให้ไปถึงจุดหมาย ก็ต้องดูแลให้มีความพร้อมด้วยเหมือนกัน
พักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนที่จะต้องขับรถระยะทางไกลๆ ควรที่จะนอนพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อจะได้มีร่างกายที่สดชื่น พร้อมสำหรับการเดินทาง
 เตรียมอุปกรณ์ป้องกันต่างๆ แว่นตากันแดด เพื่อช่วยถนอมสายตาและเพิ่มการมองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ครีมกันแดด, ปลอกแขน อันนี้ก็สำคัญ แม้จะอยู่ในรถแต่รังสี UV ก็อาจทะลุผ่านได้ ป้องกันเอาไว้ดีกว่า เมื่อความร้อนจากแสงแดดทะลุผ่านกระจกอาจทำให้เสียสมาธิในการขับรถเพราะต้องคอยหลบแสงแดด ทำให้ลดประสิทธิภาพในการขับขี่หรือควบคุมรถน้อยลง
 วางแผนการเดินทาง วางแผนการเดินทางหรือศึกษาเส้นทางลัดอย่างละเอียดด้วย Google Map หรือ Navigator เพื่อลดระยะทางและเวลาในการ "ตากแดด" บนถนนให้น้อยที่สุด รวมถึงการหาจุดพักตามสถานีบริการหรือร้านอาหาร เพื่อหนีความแออัดเวลาจอดพัก
info-krungsri_prepare-car-before-new-year_03.png

นอกจากการเตรียมความพร้อมของทั้งคนและรถยนต์แล้วยังมีเรื่องของการขับขี่ที่ต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนั่นก็คือ
 มีสติ..ก่อนสตาร์ท ควรขับรถอย่างมีสติ ไม่ประมาท ไม่ใจร้อน และมีน้ำใจให้แก่กัน เพราะช่วงเวลาการเดินทางปีใหม่ มักมีปริมาณรถมาก จึงมีโอกาสเกิดการขับแทรก เบียด ปาด ในบ้างครั้ง ประกอบกับความไม่คุ้นเคยเส้นทาง อาจเกิดการตัดสินใจที่ลังเล ผู้ขับขี่จึงควรใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
 คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ตามปกติจะเคยได้ยินคนบอกกันว่าคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งกันบ่อยๆ แต่เราอยากจะเปลี่ยนให้เป็น คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง เพราะอุบัติเหตุไม่เลือกตำแหน่งคนนั่ง ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย คาดเอาไว้ก่อนไม่ว่าจะเดินทางใกล้หรือไกล
 รักษากฎจราจร ทั้งรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า เพื่อให้มีระยะที่ปลอดภัยเมื่อรถคันด้านหน้าเบรก หรือหยุดรถ หรือเปลี่ยนช่องทางอย่างกะทันหัน เราก็สามารถหยุดรถได้ทันท่วงที และ รักษาความเร็วตามกฎหมายจราจร หรือการปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างจริงจัง ขับช้ากว่าคันอื่นให้ชิดซ้ายเสมอ ไม่ว่าคุณจะใช้ความเร็วตามกฎหมายแล้วก็ตาม ส่วนคันที่ขับเร็วเกินกว่ากำหนดก็จะถูกปรับไปเอง โดยปกติการเกิดอุบัติเหตุนั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการขับรถเร็ว ขับรถเสี่ยงต่ออันตรายและการขับรถไร้ระเบียบ เช่น แช่ขวายาวๆ เป็นเหตุให้รถที่ตามมาต้องแซงซ้ายและเปลี่ยนช่องทางบ่อยๆ และเมื่อกดแตรหรือเปิดไฟขอทางอาจก่อให้เกิดอารมณ์และนำไปสู่การทะเลาะวิวาทต่อมาได้อีก  
ศึกษาเทคนิคการขับที่ไม่คุ้นเคย การขับขี่ในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคย เช่น เทคนิคการขับรถขึ้นเขา - ลงเขา ขับอย่างไรให้ปลอดภัย ทางขึ้นเขาไม่ว่าจะชันน้อยหรือมาก สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือ ประเมินความสูง ระยะทางที่สามารถเร่งเครื่องยนต์ในจุดที่มีกำลังขึ้นได้สบาย ด้วยเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ต่ำลง 1 หรือ 2 ตำแหน่งขึ้นกับความเร็วเดิมที่ใช้อยู่ขณะนั้น และเร่งรอบเครื่องยนต์ค้างไว้ที่รอบสูง ระหว่างประมาณ 2,000 - 3,000 รอบต่อนาที เพื่อให้มีกำลังในการส่งขึ้นเนิน และเลี้ยงคันเร่งให้คงที่ รักษาระดับความเร็วที่เหมาะสม รวมถึงใช้งานระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ ที่มีในรถคันนั้นให้คุ้นเคย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
 เมา-ง่วงไม่ขับ ข้อนี้รณรงค์กันมานานแสนนาน แต่ก็ยังคงเกิดเหตุซ้ำซ้อน ดังนั้นในปีนี้ขอให้ช่วยกันเคร่งครัด "เมาไม่ขับ" รวมถึง "ง่วงไม่ขับ" เพราะการง่วงหรือหลับในก็เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายไม่ต่างจากเมาแล้วขับเช่นกัน
 สุดท้ายเปิดไปเถอะไม่ต้องประหยัดกับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าไฟเลี้ยว สัญญาณไฟต่างๆ สำคัญมากในการเดินทาง ต้องให้สัญญาณไฟเลี้ยวทุกครั้งที่ต้องการเลี้ยว, เปลี่ยนช่องจราจร ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เมื่อขับผ่านแยกและเมื่อฝนตกหนักมากๆ เพราะอาจเกิดการเข้าใจผิดและส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
 หวังว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยให้การเดินทางของผู้ใช้รถใช้ถนนมีความปลอดภัยมากขึ้น และลดการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น รวมถึงให้การเดินทางถึงจุดหมายอย่างสะดวกรวดเร็วทั้งรถยนต์และผู้โดยสารได้ไม่มากก็น้อย และขอกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ ครับxu

ย้อนกลับ

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

+ ดูทั้งหมด